เข้าสู่ระบบ(Log in)
Latest topics
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
+10
RAMA9 37 54
todayman
neoonecbr
CAN7ONA
rama9 75-30
praewa5208
กู้ภัยพญาไท 010
pun191
Administrator
14 posters
หน้า 1 จาก 1
การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
คนเรามีชีวิตอยู่ได้เพราะหัวใจเต้นและมีการหายใจ
คนปกติมีชีวิตอยู่ได้ด้วยระบบสำคัญ 2 ระบบ คือระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือด ระบบหายใจ ซึ่งมีปอดเป็นอวัยวะสำคัญ จะทำงานโดยหายใจเอาอากาศดีที่มีออกซิเจนสูงจากอากาศภายนอก ผ่านจมูก และ หลอดลมเข้าไปในปอด แล้วหายใจเอาอากาศเสียที่มีคาร์บอนไดออกไซด์จากในปอดผ่านหลอดลม และ จมูกออกมาสู่ภายนอก
ระบบไหลเวียนเลือดมีหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญ ทำงานโดยหัวใจจะสูบฉีดเลือดที่รับออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยง เซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เช่น สมอง ลำตัว แขนขา แล้วรับคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียจากการทำงาน ของเซลล์มาที่ปอด เพื่อให้ระบบหายใจพาออกไปทิ้งยังอากาศนอกตัวเรา
สาเหตุที่ทำให้หยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น
ภาวะหยุดหายใจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น จมน้ำ, เป็นอัมพาต, สิ่งแปลกปลอมอุดกั้นทางเดิน ลมหายใจ,สูดดมควันเข้าไปมาก, ได้รับยาเกินขนาด, ไฟฟ้าดูด , อยู่ในที่ไม่มีอากาศหายใจ, บาดเจ็บ, กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน,ฟ้าผ่า และสมองเสียการทำงานจนโคม่าจากสาเหตุต่างๆ
ภาวะหัวใจหยุดเต้นหมายถึงการไหลเวียนเลือดหยุดลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทราบได้จากการหมดสติไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีอาการไอ คลำชีพจรไม่ได้ ไม่มีการหายใจอย่างที่เป็นตามปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น เกิดขึ้นจากสาเหตุหลาย อย่าง เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือที่เรียกกันว่าหัวใจวาย หรืออาจเกิดขึ้น ตามหลังภาวะหยุดหายใจ
คนที่หยุดการหายใจและหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ยังมีโอกาสฟื้นได้
เมื่อ ใครก็ตามหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น หากมีใครสักคนรีบทำการช่วยชีวิต ขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support- BLS) ตามวิธีที่ได้บรรยายไว้ในหนังสือเล่มนี้ ก็จะทำให้มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ปอดและมีเลือดไหลเวียนเอาออกซิเจนไป เลี้ยง สมองเพียงพอที่จะทำให้สมองยังทำงานได้โดยไม่เกิดสมองตาย คนผู้นั้นจึงยังมีโอกาส ที่จะกลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตปกติได้ เนื่องจากวิธีการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชน ทั่วไปนั้น แตกต่างจากวิธีการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และ เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต โดยเฉพาะ หนังสือนี้จึงแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่ 1. สำหรับประชาชนทั่วไป และส่วนที่ 2. สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต
ส่วนที่ 1. การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไป
ขั้นที่1. เรียกดูว่ารู้ตัวหรือไม่
ควรมองดูรอบตัวที่ผู้หมดสตินอนอยู่ว่าปลอดภัยก่อน แล้วจึงเข้าไปยังข้างตัวผู้หมดสติ สะกิดหรือเขย่าผู้หมดสติเบาๆ พร้อมกับตะโกนถามว่า “คุณ…เป็นอย่างไรบ้าง?”
หมายเหตุ ในกรณีที่สงสัยว่าจะมีการบาดเจ็บของศีรษะและคอ ให้พยายามขยับตัวผู้หมดสติให้น้อยที่สุด เพราะการโยกหรือขยับตัวมากอาจจะทำให้ผู้หมดสติที่มีการบาดเจ็บของกระดูก สันหลัง อยู่แล้วเป็นอัมพาตได้
ขั้นที่ 2. เรียกหาความช่วยเหลือ
หากหมดสติ ให้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น และ ขอให้คนใดคนหนึ่ง โทรศัพท์หมายเลข 1669 ซึ่งเรียกรถพยาบาล ได้ทุกจังหวัด หรือ หมายเลข 191 เรียกตำรวจให้ไปแจ้งรถพยาบาล อีกต่อหนึ่ง หรืออาจเรียกรถพยาบาล หรือ ทีมงานของโรงพยาบาล ที่เคยใช้อยู่ประจำก็ได้
หมายเหตุ ผู้ที่ทำหน้าที่โทรศัพท์เรียกรถพยาบาล เตรียมข้อมูลให้ครบถ้วนดังนี้
เหตุเกิดที่ไหน เช่น บอกชื่อบริษัท ชื่อถนน
หมายเลขโทรศัพท์ที่กำลังพูดอยู่
เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุ รถยนต์, หัวใจวาย, จมน้ำ, เป็นต้น
มีคนต้องการความช่วยเหลือกี่คน
สภาพของผู้หมดสติเป็นอย่างไรบ้าง
มีการให้ความช่วยเหลืออะไรอยู่บ้าง มีเครื่องช๊อกไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่หรือไม่
ข้อมูลอื่นๆ ที่คิดว่าจำเป็น
อย่าวางหูโทรศัพท์จนกว่าพนักงานช่วยชีวิตที่รับโทรศัพท์จะบอกให้เลิกการติดต่อก่อน
ให้โทรศัพท์เรียกความช่วยเหลือทันทีก่อนลงมือปฏิบัติการช่วยชีวิต (call first) ถ้าผู้หมดสติเป็นผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่ที่หมดสติมักเกิดจากหัวใจเต้นรัว (VF) ซึ่งมี โอกาสรอดชีวิตมากที่สุดหากได้รับการช็อกไฟฟ้าจากทีมงานช่วยชีวิตขั้นสูงโดยเร็ว แต่ถ้าหากหมดสติจากอุบัติเหตุ,จมน้ำหรือพิษของยาหรือสารพิษ ควรลงมือปฏิบัติการ ช่วยชีวิตก่อนไปโทรศัพท์ เพราะสาเหตุการตายมักเกิดจากทางเดินลมหายใจถูกอุดกั้น
ให้ลงมือช่วยชีวิตไปก่อนแล้วค่อยไปโทรศัพท์ภายหลัง (call fast) ถ้าผู้หมดสติเป็นเด็ก อายุต่ำกว่า 8 ปี เพราะสาเหตุการหมดสติในเด็กมักเกิดจากทางเดินลมหายใจถูกอุดกั้น ซึ่งแก้ได้โดยการลงมือปฏิบัติการช่วยชีวิตทันทีทั้งนี้มีข้อยกเว้นกรณีที่รู้แน่ชัดอยู่ก่อนแล้วว่าเด็ก ผู้หมดสติเป็นโรคหัวใจ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ควรรีบโทรศัพท์ก่อน เพราะผู้หมดสติจะมีโอกาส รอดชีวิตมากกว่าถ้ารีบช็อกไฟฟ้า
ขั้นที่ 3. จัดท่าให้ผู้หมดสตินอนหงาย
ถ้าผู้หมดสติอยู่ในท่านอนคว่ำ ให้พลิกผู้หมดสติมาอยู่ในท่านอนหงายบนพื้นราบและแข็ง แขนสองข้างเหยียดอยู่ข้างลำตัว
หมายเหตุ: กรณีผู้ป่วยอุบัติเหตุหรือสงสัยการบาดเจ็บที่คอและหลัง การจัดท่าต้องระมัดระวังอย่างที่สุด โดยให้ศีรษะ คอ ไหล่ และลำคอตัวตรึงเป็นแนวเดียวกันไม่บิดงอ มิฉะนั้นผู้หมดสติอาจกลายเป็นอัมพาต เพราะกระดูกสันหลังที่หักอยู่แล้วกดทับแกนประสาทสันหลังได้
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
[/size]
ขั้นที่ 4. เปิดทางเดินลมหายใจ
ในคนที่หมดสติ กล้ามเนื้อจะคลายตัวทำให้ลิ้นตกลงไปอุดทางเดินลมหายใจ นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้หมดสติยังหายใจได้ ในจังหวะหายใจเข้าจะเกิดแรงดูดเอา ลิ้นลงไปอุดกั้นทางเดินลมหายใจมากกว่าเดิม ต้องช่วยยกกระดูกกรรไกรล่างขึ้น ลิ้นซึ่งอยู่ติดกับกระดูก ขากรรไกรล่างจะถูกยกขึ้นทำให้ทางเดินลมหายใจเปิดโล่งการเปิดทางเดินลมหายใจมีสองวิธี คือ
วิธีดันหน้าผากและดึงคาง (head tilt-chin lift)
ใช้ ได้กับผู้หมดสติทั่วไปที่ไม่มีการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอ โดยการเอาฝ่ามือข้างหนึ่งดันหน้าผาก เอานิ้วชี้และนิ้วกลางของมืออีกข้างหนึ่งดึงคางขึ้น ใช้นิ้วมือดึงเฉพาะกระดูกขากรรไกรล่าง โดยไม่กดเนื้ออ่อนใต้คาง ให้หน้าผู้ป่วยเงยขึ้นจนฟันล่างถูกดึงขึ้นมาจนเกือบชนกับฟันบน
วิธียกขากรรไกรล่าง (jaw thrust)
ใช้ได้กับผู้ป่วยทุกกรณี แต่เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำยากและเมื่อยล้าเร็ว จึงแนะนำให้ใช้วิธีนี้กับกรณี ที่สงสัยว่าจะมีการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอเท่านั้น ผู้ปฎิบัติการช่วยชีวิตต้องไปอยู่ทางศีรษะของผู้หมดสติ วางมือทั้งสองข้างไว้ที่บริเวณแก้มซ้ายและขวาของผู้หมดสติให้นิ้วหัวแม่มือกดยันที่กระดูกขากรรไกรล่าง ตรงใต้มุมปากทั้งสองข้างนิ้วที่เหลือทั้งหมดเกี่ยวกระดูกขากรรไกรล่าง เอาข้อศอกยันบนพื้นที่ ผู้หมดสตินอนอยู่แล้วดึงกระดูกขากรรไกรล่างขึ้นมา (ภาพที่ 6)
หมายเหตุ : ประชาชนทั่วไปควรฝึกหัดการเปิดทางเดินลมหายใจทั้งสองวิธี
ขั้นที่ 5. ตรวจดูว่าหายใจหรือไม่
โดยเอียงหูลงไปแนบใกล้ปากและจมูกของผู้หมดสติเพื่อฟังเสียงหายใจ ใช้แก้มเป็นตัวรับสัมผัสลมหายใจที่อาจจะออกมาจากจมูกหรือปากของผู้หมดสติ ขณะที่ตาจ้องดูการเคลื่อนไหวหน้าอกของผู้หมดสติว่ากระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะหรือไม่ (ตาดู หูฟัง แก้มสัมผัส) โดยมือยังคงเปิดทางเดินลมหายใจอยู่ ใช้เวลาตรวจไม่เกิน 10 วินาที
หมายเหตุ:
1.ถ้าผู้หมดสติหายใจได้และไม่ใช่การหมดสติจากอุบัติเหตุหรือไม่สงสัยว่ามี การบาดเจ็บของกระดูกสันหลังให้จัดท่าผู้หมดสติไว้ในท่าพักฟื้น (ภาพที่ 13)
2. ถ้าสงสัยว่าจะมีการบาดเจ็บของศีรษะหรือคอ ไม่ควรขยับ หรือ จัดท่า ให้ผู้หมดสติเว้นเสียแต่ว่าหากไม่ขยับ ทางเดินลมหายใจจะไม่เปิดโล่งเท่านั้น
ขั้นที่ 4. เปิดทางเดินลมหายใจ
ในคนที่หมดสติ กล้ามเนื้อจะคลายตัวทำให้ลิ้นตกลงไปอุดทางเดินลมหายใจ นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้หมดสติยังหายใจได้ ในจังหวะหายใจเข้าจะเกิดแรงดูดเอา ลิ้นลงไปอุดกั้นทางเดินลมหายใจมากกว่าเดิม ต้องช่วยยกกระดูกกรรไกรล่างขึ้น ลิ้นซึ่งอยู่ติดกับกระดูก ขากรรไกรล่างจะถูกยกขึ้นทำให้ทางเดินลมหายใจเปิดโล่งการเปิดทางเดินลมหายใจมีสองวิธี คือ
วิธีดันหน้าผากและดึงคาง (head tilt-chin lift)
ใช้ ได้กับผู้หมดสติทั่วไปที่ไม่มีการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอ โดยการเอาฝ่ามือข้างหนึ่งดันหน้าผาก เอานิ้วชี้และนิ้วกลางของมืออีกข้างหนึ่งดึงคางขึ้น ใช้นิ้วมือดึงเฉพาะกระดูกขากรรไกรล่าง โดยไม่กดเนื้ออ่อนใต้คาง ให้หน้าผู้ป่วยเงยขึ้นจนฟันล่างถูกดึงขึ้นมาจนเกือบชนกับฟันบน
วิธียกขากรรไกรล่าง (jaw thrust)
ใช้ได้กับผู้ป่วยทุกกรณี แต่เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำยากและเมื่อยล้าเร็ว จึงแนะนำให้ใช้วิธีนี้กับกรณี ที่สงสัยว่าจะมีการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอเท่านั้น ผู้ปฎิบัติการช่วยชีวิตต้องไปอยู่ทางศีรษะของผู้หมดสติ วางมือทั้งสองข้างไว้ที่บริเวณแก้มซ้ายและขวาของผู้หมดสติให้นิ้วหัวแม่มือกดยันที่กระดูกขากรรไกรล่าง ตรงใต้มุมปากทั้งสองข้างนิ้วที่เหลือทั้งหมดเกี่ยวกระดูกขากรรไกรล่าง เอาข้อศอกยันบนพื้นที่ ผู้หมดสตินอนอยู่แล้วดึงกระดูกขากรรไกรล่างขึ้นมา (ภาพที่ 6)
หมายเหตุ : ประชาชนทั่วไปควรฝึกหัดการเปิดทางเดินลมหายใจทั้งสองวิธี
ขั้นที่ 5. ตรวจดูว่าหายใจหรือไม่
โดยเอียงหูลงไปแนบใกล้ปากและจมูกของผู้หมดสติเพื่อฟังเสียงหายใจ ใช้แก้มเป็นตัวรับสัมผัสลมหายใจที่อาจจะออกมาจากจมูกหรือปากของผู้หมดสติ ขณะที่ตาจ้องดูการเคลื่อนไหวหน้าอกของผู้หมดสติว่ากระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะหรือไม่ (ตาดู หูฟัง แก้มสัมผัส) โดยมือยังคงเปิดทางเดินลมหายใจอยู่ ใช้เวลาตรวจไม่เกิน 10 วินาที
หมายเหตุ:
1.ถ้าผู้หมดสติหายใจได้และไม่ใช่การหมดสติจากอุบัติเหตุหรือไม่สงสัยว่ามี การบาดเจ็บของกระดูกสันหลังให้จัดท่าผู้หมดสติไว้ในท่าพักฟื้น (ภาพที่ 13)
2. ถ้าสงสัยว่าจะมีการบาดเจ็บของศีรษะหรือคอ ไม่ควรขยับ หรือ จัดท่า ให้ผู้หมดสติเว้นเสียแต่ว่าหากไม่ขยับ ทางเดินลมหายใจจะไม่เปิดโล่งเท่านั้น
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ขั้นที่ 6 เป่าลมเข้าปอด
ให้ทำการเป่าลมเข้าปอด 2 ครั้ง เมื่อเห็นว่าผู้หมดสติไม่หายใจหรือไม่มั่นใจว่าหายใจได้เองอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ให้เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
วิธีที่ 1. เป่าแบบปากต่อปากพร้อมกับดันหน้าผากและดึงคาง
ให้เลื่อนหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือที่ดันหน้าผากอยู่มาบีบที่จมูกผู้หมดสติให้รูจมูกปิดสนิท สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของออกซิเจนในลมหายใจมากขึ้น ประกบปากเข้ากับปาก ตามองหน้าอกผู้หมดสติ และเป่าลมเข้าไปจนหน้าอกของผู้ หมดสติกระเพื่อมขึ้นเป่านาน 2 วินาที แล้วถอนปากออกมาให้ลมหายใจออก ผ่านกลับ ออกมาทางปาก
วิธีที่ 2. เป่าแบบปากต่อปากขณะยกขากรรไกรล่าง
ให้ ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างดันขากรรไกรล่างให้ปากผู้หมดสติเผยอเปิดออก ก้มลงเอาแก้มปิดรูจมูกทั้งสองรู ไว้ให้แน่น ประกบปากเข้ากับปาก ตามองหน้าอกผู้หมดสติแล้วเป่าลมเข้าไปจนหน้าอกของผู้หมดสติกระเพื่อมขึ้น เป่านาน 2 วินาที แล้วถอนปากออกมาให้ลมหายใจออกผ่านกลับออกมาทางปาก (ภาพที่ 9)
ขั้นที่ 7. หาตำแหน่งวางมือบนหน้าอก
ถ้าผู้หมดสติไม่ไอ ไม่หายใจ ไม่ขยับส่วนใดๆ ของร่างกาย ให้ถือว่า ระบบไหลเวียนเลือดไม่ทำงาน ต้องช่วยกดหน้าอก ให้หาตำแหน่ง ครึ่งล่างของกระดูกหน้าอกเพื่อวางมือเตรียมพร้อมสำหรับการกดหน้าอก โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคลำขอบชายโครงด้านใกล้ตัวผู้ปฏิบัติ แล้ว ลากขึ้นไปตามขอบกระดูกชายโครงด้านหน้าจนถึงจุดที่กระดูกชายโครง สองข้างมาพบกันซึ่งเป็นปลายล่างของกระดูกหน้าอกพอดี วางนิ้วมือ ทั้งสองถัดจากจุดนั้นขึ้นไปทางกระดูกหน้าอกเพื่อใช้เป็นที่หมาย แล้วเอาสันมือของอีกมือหนึ่งวางลงบนกระดูก หน้าอกตามแนวกลางตัวถัดจากนิ้วมือที่วางไว้เป็นที่หมาย ยกนิ้วมือที่วางเป็นที่หมายออกไปวางทาบ หรือ ประสานกับมือที่วางอยู่บนกระดูกหน้าอก เตรียมพร้อมที่จะกดหน้าอก (ภาพที่ 10)
อีกวิธีหนึ่งคือวางสันมือของมือหนึ่งไว้ตรงกลางหน้าอกระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง แล้วเอาอีกมือหนึ่งไปวางทาบ หรือ ประสานกับมือแรกกะประมาณให้แรงกดลงตรงกึ่งกลางระหว่างหัวนมสองข้าง
หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ไม่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปคลำชีพจรก่อนทำการกดหน้าอก เพราะมีความผิดพลาดสูง คงแนะนำให้ใช้วิธีคลำชีพจรเฉพาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้มีหน้าที่ช่วยชีวิตโดยตรงเท่านั้น
ขั้นที่ 8. กดหน้าอก 15 ครั้ง
กดหน้าอกแล้วปล่อย กดแล้วปล่อย ทำติดต่อกันไป 15 ครั้ง ให้ได้ความถี่ของการกดประมาณ 100 ครั้ง/นาที โดยนับ หนึ่งและสอง และสาม และสี่ และห้า และหก และเจ็ด และแปด และเก้า และสิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า ในการกดให้ใช้เทคนิคดังนี้
วางมือหนึ่งทาบบนอีกมือหนึ่งโดยไม่ประสาน หรือจะประสานนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันก็ได้ เพียงแต่ต้องคอยระวังให้น้ำหนักผ่านส้นมือล่างลงบนกระดูกหน้าอก ไม่ใช่ลงบนกระดูกซี่โครง เพราะจะเป็นต้นเหตุให้ซี่โครงหักได้
ตรึงข้อศอกให้นิ่ง อย่างอแขน ให้แขนเหยียดตรง โน้มตัวให้หัวไหล่อยู่เหนือผู้หมดสติ ให้ทิศทางของแรงกดดิ่งลงสู่กระดูกหน้าอก ถ้าแรงกดมีทิศทางเฉียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แรงจะถูกแตกไปเป็นสองส่วนทำให้แรงที่จะกดหน้าอกในแนวดิ่งไม่มีประสิทธิภาพ
กดหน้าอกให้ยุบลงไปหนึ่งนิ้วครึ่งถึงสองนิ้วหรือ 4-5 ซม. ถ้ายุบมากกว่านี้จะมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกหักยกเว้นถ้าผู้ป่วยตัวใหญ่มาก อาจต้องกดให้หน้าอกยุบลงไปมากกว่านี้ได้
ใน จังหวะปล่อยต้องคลายมือขึ้นมาให้สุด อย่าคาน้ำหนักไว้เพราะจะทำให้หัวใจคลายตัวได้ไม่เต็มที่ แต่อย่าให้ถึงกับมือหลุดจากหน้าอกเพราะจำทำให้ตำแหน่งมือถูกเปลี่ยนไป
ขั้นที่ 9 เป่าลมเข้าปอด 2 ครั้ง สลับกับกดหน้าอก 15 ครั้ง
เป่าลมเข้าปอด 2 ครั้งสลับกับกดหน้าอก 15 ครั้งไปอย่างน้อยสี่รอบแล้วหยุดประเมินผู้หมดสติอีกครั้ง ถ้ายังไม่รู้ตัว ไม่หายใจ ไม่เคลื่อนไหว ก็เป่าลมเข้าปอดสลับกับกดหน้าอกต่อไปอีกคราวละ 4 รอบ จนกว่าผู้หมดสติจะรู้ตัว หรือ จนกว่าความช่วยเหลือที่เรียกไปจะมาถึง
หมายเหตุ : ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติการช่วยชีวิตไม่ต้องการจะเป่าปากผู้หมดสติ หรือทำไม่ได้ ควรช่วยชีวิตด้วยการ เปิดทางเดินลมหายใจแล้วกดหน้าอกอย่างเดียวขณะรอความช่วยเหลืออยู่ เพราะจะมีประโยชน์ต่อผู้หมดสติ มากกว่าการไม่ช่วยอะไรเลย
ขั้นที่ 10. เมื่อผู้หมดสติรู้ตัวแล้ว จัดให้อยู่ในท่าพักฟื้น
จัดให้นอนตะแคงเอามือรองแก้มไม่ให้หน้าคว่ำมากเกินไป เพราะถ้าตะแคง คว่ำมากเกินไปกะบังลมจะขยับได้น้อย ทำให้หายใจเข้า-ออกได้น้อย การจัดท่าพักฟื้น (recovery) นี้ทำได้หลายแบบ แต่มีหลักโดยรวมว่า ควรเป็นท่าตะแคงตั้งฉากกับพื้นให้มากที่สุด ให้ศีรษะอยู่ต่ำเพื่อระบายของ เหลวออกมาจากทางเดินลมหายใจได้ เป็นท่าที่มั่นคงไม่ล้มง่าย ไม่มีแรงกดต่อทรวงอกซึ่งจะทำให้หายใจได้น้อย จัดท่ากลับมา นอนหงายโดยไม่ทำให้คอและศีรษะบิดได้ง่าย มองเห็น และ เข้าถึงปากและจมูกได้ง่าย เป็นท่าที่ไม่ก่อนให้เกิดการบาดเจ็บแก่ผู้ป่วย
หมายเหตุ : ในกรณีที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของศีรษะหรือคอ ไม่ควรขยับหรือจัดท่าใดๆ ให้ผู้หมดสติเว้นเสีย แต่ว่าหากไปไม่ขยับทางเดินลมหายใจจะไม่เปิดโล่งเท่านั้น[size=18]
ให้ทำการเป่าลมเข้าปอด 2 ครั้ง เมื่อเห็นว่าผู้หมดสติไม่หายใจหรือไม่มั่นใจว่าหายใจได้เองอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ให้เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
วิธีที่ 1. เป่าแบบปากต่อปากพร้อมกับดันหน้าผากและดึงคาง
ให้เลื่อนหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือที่ดันหน้าผากอยู่มาบีบที่จมูกผู้หมดสติให้รูจมูกปิดสนิท สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด เพื่อให้ได้ความเข้มข้นของออกซิเจนในลมหายใจมากขึ้น ประกบปากเข้ากับปาก ตามองหน้าอกผู้หมดสติ และเป่าลมเข้าไปจนหน้าอกของผู้ หมดสติกระเพื่อมขึ้นเป่านาน 2 วินาที แล้วถอนปากออกมาให้ลมหายใจออก ผ่านกลับ ออกมาทางปาก
วิธีที่ 2. เป่าแบบปากต่อปากขณะยกขากรรไกรล่าง
ให้ ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างดันขากรรไกรล่างให้ปากผู้หมดสติเผยอเปิดออก ก้มลงเอาแก้มปิดรูจมูกทั้งสองรู ไว้ให้แน่น ประกบปากเข้ากับปาก ตามองหน้าอกผู้หมดสติแล้วเป่าลมเข้าไปจนหน้าอกของผู้หมดสติกระเพื่อมขึ้น เป่านาน 2 วินาที แล้วถอนปากออกมาให้ลมหายใจออกผ่านกลับออกมาทางปาก (ภาพที่ 9)
ขั้นที่ 7. หาตำแหน่งวางมือบนหน้าอก
ถ้าผู้หมดสติไม่ไอ ไม่หายใจ ไม่ขยับส่วนใดๆ ของร่างกาย ให้ถือว่า ระบบไหลเวียนเลือดไม่ทำงาน ต้องช่วยกดหน้าอก ให้หาตำแหน่ง ครึ่งล่างของกระดูกหน้าอกเพื่อวางมือเตรียมพร้อมสำหรับการกดหน้าอก โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคลำขอบชายโครงด้านใกล้ตัวผู้ปฏิบัติ แล้ว ลากขึ้นไปตามขอบกระดูกชายโครงด้านหน้าจนถึงจุดที่กระดูกชายโครง สองข้างมาพบกันซึ่งเป็นปลายล่างของกระดูกหน้าอกพอดี วางนิ้วมือ ทั้งสองถัดจากจุดนั้นขึ้นไปทางกระดูกหน้าอกเพื่อใช้เป็นที่หมาย แล้วเอาสันมือของอีกมือหนึ่งวางลงบนกระดูก หน้าอกตามแนวกลางตัวถัดจากนิ้วมือที่วางไว้เป็นที่หมาย ยกนิ้วมือที่วางเป็นที่หมายออกไปวางทาบ หรือ ประสานกับมือที่วางอยู่บนกระดูกหน้าอก เตรียมพร้อมที่จะกดหน้าอก (ภาพที่ 10)
อีกวิธีหนึ่งคือวางสันมือของมือหนึ่งไว้ตรงกลางหน้าอกระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง แล้วเอาอีกมือหนึ่งไปวางทาบ หรือ ประสานกับมือแรกกะประมาณให้แรงกดลงตรงกึ่งกลางระหว่างหัวนมสองข้าง
หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ไม่แนะนำให้ประชาชนทั่วไปคลำชีพจรก่อนทำการกดหน้าอก เพราะมีความผิดพลาดสูง คงแนะนำให้ใช้วิธีคลำชีพจรเฉพาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้มีหน้าที่ช่วยชีวิตโดยตรงเท่านั้น
ขั้นที่ 8. กดหน้าอก 15 ครั้ง
กดหน้าอกแล้วปล่อย กดแล้วปล่อย ทำติดต่อกันไป 15 ครั้ง ให้ได้ความถี่ของการกดประมาณ 100 ครั้ง/นาที โดยนับ หนึ่งและสอง และสาม และสี่ และห้า และหก และเจ็ด และแปด และเก้า และสิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้า ในการกดให้ใช้เทคนิคดังนี้
วางมือหนึ่งทาบบนอีกมือหนึ่งโดยไม่ประสาน หรือจะประสานนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันก็ได้ เพียงแต่ต้องคอยระวังให้น้ำหนักผ่านส้นมือล่างลงบนกระดูกหน้าอก ไม่ใช่ลงบนกระดูกซี่โครง เพราะจะเป็นต้นเหตุให้ซี่โครงหักได้
ตรึงข้อศอกให้นิ่ง อย่างอแขน ให้แขนเหยียดตรง โน้มตัวให้หัวไหล่อยู่เหนือผู้หมดสติ ให้ทิศทางของแรงกดดิ่งลงสู่กระดูกหน้าอก ถ้าแรงกดมีทิศทางเฉียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แรงจะถูกแตกไปเป็นสองส่วนทำให้แรงที่จะกดหน้าอกในแนวดิ่งไม่มีประสิทธิภาพ
กดหน้าอกให้ยุบลงไปหนึ่งนิ้วครึ่งถึงสองนิ้วหรือ 4-5 ซม. ถ้ายุบมากกว่านี้จะมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกหักยกเว้นถ้าผู้ป่วยตัวใหญ่มาก อาจต้องกดให้หน้าอกยุบลงไปมากกว่านี้ได้
ใน จังหวะปล่อยต้องคลายมือขึ้นมาให้สุด อย่าคาน้ำหนักไว้เพราะจะทำให้หัวใจคลายตัวได้ไม่เต็มที่ แต่อย่าให้ถึงกับมือหลุดจากหน้าอกเพราะจำทำให้ตำแหน่งมือถูกเปลี่ยนไป
ขั้นที่ 9 เป่าลมเข้าปอด 2 ครั้ง สลับกับกดหน้าอก 15 ครั้ง
เป่าลมเข้าปอด 2 ครั้งสลับกับกดหน้าอก 15 ครั้งไปอย่างน้อยสี่รอบแล้วหยุดประเมินผู้หมดสติอีกครั้ง ถ้ายังไม่รู้ตัว ไม่หายใจ ไม่เคลื่อนไหว ก็เป่าลมเข้าปอดสลับกับกดหน้าอกต่อไปอีกคราวละ 4 รอบ จนกว่าผู้หมดสติจะรู้ตัว หรือ จนกว่าความช่วยเหลือที่เรียกไปจะมาถึง
หมายเหตุ : ในกรณีที่ผู้ปฏิบัติการช่วยชีวิตไม่ต้องการจะเป่าปากผู้หมดสติ หรือทำไม่ได้ ควรช่วยชีวิตด้วยการ เปิดทางเดินลมหายใจแล้วกดหน้าอกอย่างเดียวขณะรอความช่วยเหลืออยู่ เพราะจะมีประโยชน์ต่อผู้หมดสติ มากกว่าการไม่ช่วยอะไรเลย
ขั้นที่ 10. เมื่อผู้หมดสติรู้ตัวแล้ว จัดให้อยู่ในท่าพักฟื้น
จัดให้นอนตะแคงเอามือรองแก้มไม่ให้หน้าคว่ำมากเกินไป เพราะถ้าตะแคง คว่ำมากเกินไปกะบังลมจะขยับได้น้อย ทำให้หายใจเข้า-ออกได้น้อย การจัดท่าพักฟื้น (recovery) นี้ทำได้หลายแบบ แต่มีหลักโดยรวมว่า ควรเป็นท่าตะแคงตั้งฉากกับพื้นให้มากที่สุด ให้ศีรษะอยู่ต่ำเพื่อระบายของ เหลวออกมาจากทางเดินลมหายใจได้ เป็นท่าที่มั่นคงไม่ล้มง่าย ไม่มีแรงกดต่อทรวงอกซึ่งจะทำให้หายใจได้น้อย จัดท่ากลับมา นอนหงายโดยไม่ทำให้คอและศีรษะบิดได้ง่าย มองเห็น และ เข้าถึงปากและจมูกได้ง่าย เป็นท่าที่ไม่ก่อนให้เกิดการบาดเจ็บแก่ผู้ป่วย
หมายเหตุ : ในกรณีที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของศีรษะหรือคอ ไม่ควรขยับหรือจัดท่าใดๆ ให้ผู้หมดสติเว้นเสีย แต่ว่าหากไปไม่ขยับทางเดินลมหายใจจะไม่เปิดโล่งเท่านั้น[size=18]
ทราบเลย ละครับบบ
โหหหห ต้องลองไปฝึก ดูละครับบบ แล้วมันจะใช้ได้100% มะครับบบบบ
จิตนอบน้อมสมถะ.......พระราม9 13-51
จิตนอบน้อมสมถะ.......พระราม9 13-51
- Registration date : 01/01/1970
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ถ้าทำถูกวิธีรับประกันครับ ใช้ได้แน่นอน แต่ถ้าไม้มันใจว่าตัวเองจะทำได้ไหม ผมว่ารอจำเป็นแบบว่าวินาทีนั้นต้องใช้แล้วและยังไม่มีเจ้าหน้าที่มา สูดหายใจเรียกความมั่นใจเข้าปอดแล้ลงมือน่าจะดีนะครับ ยังไงก็ฝึกไว้ครับท่องให้ขึ้นใจ ฝึกปฏิบัติให้แม่นยำ แล้วเมื่อมีโอกาสก็ลงมือทำอย่างมั่นใจครับ
ทราบเลย
อากกกกกกกก.....!!! โดนเต็มๆๆๆ งานนี้ตาย ผม ตาย ดัน ไปลองกับลูกสาวคนข้างบ้าน ตาย!!! ล้อเล่น อิอิอิ
ผมล้องไปศึกษาดูละครับบบ ผมว่าก็ง่ายดีนะครับแต่ ต้อง รอให้เกิดเหตกาณ์อย่างที่พี่ๆๆ ว่านั้นแหละครับบบ ถึง จะได้รู้ว่าตัวเองทำได้หรือไม่ได้ หรือ กล้าไม่กล้า ยังไงก็ขอบคุณ พี่ๆๆ มากเลย ครับบบบ สู้ๆๆ นะครับบ พวกพี่ๆๆ ผมไม่มีเวลาไปออก ว.4 งานอย่างพวกพี่เท่าไหร่ หรอก ทำแต่งานประจำ ฟังแต่ ข่าวสาร ละครับบบ ว.61 ครับบบ พี่ๆๆทุกคน
จิตนอบน้อมสมถะ...........พระราม9 13-51
ผมล้องไปศึกษาดูละครับบบ ผมว่าก็ง่ายดีนะครับแต่ ต้อง รอให้เกิดเหตกาณ์อย่างที่พี่ๆๆ ว่านั้นแหละครับบบ ถึง จะได้รู้ว่าตัวเองทำได้หรือไม่ได้ หรือ กล้าไม่กล้า ยังไงก็ขอบคุณ พี่ๆๆ มากเลย ครับบบบ สู้ๆๆ นะครับบ พวกพี่ๆๆ ผมไม่มีเวลาไปออก ว.4 งานอย่างพวกพี่เท่าไหร่ หรอก ทำแต่งานประจำ ฟังแต่ ข่าวสาร ละครับบบ ว.61 ครับบบ พี่ๆๆทุกคน
จิตนอบน้อมสมถะ...........พระราม9 13-51
- Registration date : 01/01/1970
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
เป็นหลักการที่ดีมาก จะพยายามฝึกฝนประโยชน์มีแน่นอน ขอบคุณมาก
pun191- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 101
Registration date : 21/06/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
13-51 ไอ้ที่ว่าไปลองกับลูกสาวคนข้างบ้านนะ ลองแบบไหนเหรอ (หรือว่าลองผายปอดแบบ เมาท์ ทู เมาท์) อิอิ
กู้ภัยพญาไท 010- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 495
Registration date : 13/05/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ไม่เหมือนแพรหรอก คนเจ็บผู้ชายหน้าตาดี ขาหัก แต่แพรผายปอดก่อนเลย 555
praewa5208- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 382
Registration date : 28/01/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
มาแบบ คุณนายทรายอีกคนและ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้
กู้ภัยพญาไท 010- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 495
Registration date : 13/05/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
สองคนนี้เค้าเป็นไรกันเนี่ย
rama9 75-30- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 168
Registration date : 22/06/2009
กู้ภัยพญาไท 010- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 495
Registration date : 13/05/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ทฤษฎี และ ปฏิบัติ คือ การเรียนรู้ที่ถูกต้องที่สุด ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนะคร๊าบ!!!
CAN7ONA- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 310
Registration date : 11/03/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
นาย บอยไม่รู้หรอก เรื่องของผู้ ญิ๋ง
praewa5208- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 382
Registration date : 28/01/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ใช่เรื่องของผู้หญิ๋ง ผู้หญิง
กู้ภัยพญาไท 010- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 495
Registration date : 13/05/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ใช่เรื่องของผู้ ญิ๋ง ไม่ใช่เรื่องของ กระเทย 5555 ล้อเล่นน่าน้องทราย
praewa5208- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 382
Registration date : 28/01/2009
neoonecbr- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 63
Registration date : 02/09/2009
กู้ภัยพญาไท 010- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 495
Registration date : 13/05/2009
ขอบคุณ
มีประโยชน์มากๆ ครับ ถ้ามีอีกก็ลงไว้นะครับจะได้ศึกษา
todayman- จำนวนข้อความ : 11
Registration date : 13/10/2009
มีประโยชน์มากๆๆคับ
น่าจะมีเปิดอบรมสำหรับสมาชิก เพื่อเน้นประโยชน์และความสำคัญบ่อยๆๆคับ และโดยเฉพาะสามชิกใหม่คับ
RAMA9 37 54- จำนวนข้อความ : 6
Registration date : 12/03/2010
ขอบคุณจร้า
ขอบคุณจ้าสำหรับวิธีการช่วยเหลือฯ พวกน้องRescue betong ได้เข้าอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วจร้า ตอนนี้ก็เต็มที่ล่ะกับการช่วยเหลือสังคมจร้า
RESCUE BETONG- จำนวนข้อความ : 8
Registration date : 05/04/2010
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
ขอบคุณมากๆนะครับ ความรู้ครับ
rama9 73-29- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 64
Age : 46
ที่อยู่ : ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000 โทร.081-7865137
Job/hobbies : HS6VSQ
Registration date : 11/05/2009
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
RESCUE BETONG พิมพ์ว่า:ขอบคุณจ้าสำหรับวิธีการช่วยเหลือฯ พวกน้องRescue betong ได้เข้าอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วจร้า ตอนนี้ก็เต็มที่ล่ะกับการช่วยเหลือสังคมจร้า
ดีจังเลยครับ
RaMa9 36-41- จำนวนข้อความ : 5
Age : 29
ที่อยู่ : 62/47
Registration date : 19/06/2010
Re: การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(Basic Life Support 2001) เกี่ยวกับภาวะหัวใจ
เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ
rama9 73-29- เทพอัศวิน
- จำนวนข้อความ : 64
Age : 46
ที่อยู่ : ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ 67000 โทร.081-7865137
Job/hobbies : HS6VSQ
Registration date : 11/05/2009
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Mon Aug 26, 2019 2:36 pm by e20xxx
» ตรวจสอบแบตเตอรี่ผ่านสมาร์ทโฟนด้วย intAct Battery-Guard คุณจะสามารถเฝ้าดูระดับแบตเตอรี่ของคุณได้อยู่เสมอ ไม่ต้องรื้อถังไม่ต้องเอามิเตอร์ไปต่อขั้วแบตให้ยุ่งยากอีกต่อไป
Sat Jul 22, 2017 2:58 pm by e20xxx
» __สุดยอดเครื่องวิเคราะห์ แบตเตอรี่/ไดร์ชาร์จ/ไดร์สตาร์ท คุณภาพสูง นำเข้าจากต่างประเทศ ถูกที่สุด/ดีที่สุด
Sat Jul 22, 2017 2:58 pm by e20xxx
» บริการตรวจเช็คอาการผิดปกติของรถยนต์ ซ่อมกล่อง ECU (จำหน่ายเครื่องสแกนรถยนต์ OBDI,OBDIIและ คู่มือซ่อมรถทุกยี่ห้อ)
Fri Jul 29, 2016 11:13 am by DayOnline
» ขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น (CPR) สำหรับผู้ป่วยอายุตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป
Fri Jul 17, 2015 2:50 pm by marksomzing
» สอบถามการสมัครสมาชิก
Fri Jul 17, 2015 2:36 pm by marksomzing
» จำหน่ายและรับสั่งงานไม้ตกแต่งบ้าน โลโก้ไม้ ป้ายตั้งโต๊ะสำนักงาน ป้ายบ้าน บริษัท สินค้าฟรีออเดอร์ ฯลฯ
Tue May 26, 2015 4:29 pm by DayOnline
» ___ ขายเหมา เบสและโมบาย 3 ตัว Icom 746Pro / Vertex VX-1700 / kenwood trc 80
Wed Jan 07, 2015 11:50 am by e20xxx
» เครื่องดักฟังระยะไกล / GPS ติดตามรถหาย กิ๊กหาย หรือระบุตำแหน่งรถ ผ่านเครือข่ายมือถือ
Wed Jan 07, 2015 11:08 am by e20xxx